วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ปลาผีเสื้อ (Butterflyfish)

ปลาผีเสื้อ (Butterflyfish)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Chaetodon lunulatus ปลาผีเสื้ออยู่ในครอบครัว Chaetodontidae พบประมาณ 120 ชนิดทั่วโลก ในเมืองไทยพบไม่ต่ำกว่า 25 ชนิด โดยพบได้ทั้งในอ่าวไทยและในทะเลอันดามัน ปลาผีเสื้อกินปะการังเป็นอาหาร จึงเป็นสัตว์ที่มีความเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการัง นักวิทยาศาสตร์ใช้ปลาผีเสื้อ เป็นเกณฑ์กำหนดความสมบูรณ์ของแนวปะการัง

ปลาผีเสื้อเป็นปลาที่สวยงาม มีความสำคัญต่อระบบนิเวศแนวปะการัง รวมถึงการศึกษาวิจัยทางชีววิทยาทางทะเล นอกจากนั้นยังมีสีสันสวยงาม นักดำน้ำทั้งแบบ Snorkelling และแบบ SCUBA ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ปลาผีเสื้อยังมีความสำคัญต่อการเรียนรู้เกี่ยวกับท้องทะเล เนื่องจากเป็นปลาที่หาได้ง่าย มีพฤติกรรมน่าสนใจ รวมทั้งเกี่ยวข้องกับสายสัมพันธ์ของระบบนิเวศแนวปะการังอย่างชัดเจน

ปลาผีเสื้อ (Butterflyfish)

ลักษณะปลาผีเสื้อ
- ปลาผีเสื้อมีลำตัวสั้น แลนด้านข้าง ปากมีขนาดเล็กอาจยืดหดได้ ภายในปากมีฟันละเอียด

- ครีบหลังมีอันเดียว ประกอบด้วยก้านครีบแข็งอยู่ส่วนหน้า และก้านครีบอ่อนอยู่ถัดไป ครีบทวารมีก้านครีบแข็ง 3 อัน และแผ่นยื่นรับกับครีบหลัง

- ปลาผีเสื้อมีนิสัยเฉื่อยชา ว่ายน้ำหรือเคลื่อนไหวไปอย่างช้าๆ ไม่ว่องไวเหมือนปลาอื่นๆ

- เป็นปลาที่หากินเวลากลางวัน เมื่อพลบค่ำจะหลบเข้าไปหาที่หลับนอนตามซอกหิน หรือโพรงปะการัง ในเวลากลางคืนปลาผีเสื้อจะเปลี่ยนสีตัวเองให้เข้มขึ้นโดยจะเป็นแต้มสีน้ำตาล หรือแถบสีเทาก็เพื่อให้ปลอดภัยจากอันตรายและสัตรู

http://feeding-fish.blogspot.com

ปลาอะโรวาน่าแดง (Red arowana)

ปลาอะโรวาน่าแดง (Red arowana)

ปลาอะโรวาน่าแดง
ปลาสายพันธุ์นี้พบกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในประเทศอินโดนีเซียที่บังกากาลิมันตัวและเกาะสุมาตรา

ลักษณะของปลาอะโรวาน่าแดง
เกล็ดบนลำตัวจะออกสีส้มอมทอง หรือสีส้มอมเขียว บางตัวที่มีสีเข้มหน่อยก้ออกสีทองอมแดง ครีบและหางจะออกสีแดงคล้ายสีเลือดนก ปลาสายพันธุ์นี้จัดว่ามีราคาแรงและได้รับความนิยมรองลงมาจากปลาอะโรวาน่ามาเลเซีย ทั้งนี้เนื่องจากปลาที่มีสีแดงเข้มสดจริง ๆ หายากมากดังนั้นคนจึงนิยมหันไปเลี้ยงปลาอะโรวาน่าทองมาเลย์แทน เพราะแต่ละตัวโดยโดยมากจะมีสีทองแวววาวไม่แพ้กันเท่าไหร่ ปลาอะโรวาน่าแดงจัดว่าเป็นปลาที่ค่อนข้างหายากอีกชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะปลาที่มีรูปร่างและสีสันสวยงามจริง ๆ แต่เดิมปลาสายพันธุ์นี้ถูกจัดรวมอยู่ในปลาอะโรวาน่าสายพันธุ์สีทองแต่เนื่องจากสีทองของปลาพันธุ์นี้ จะออกสีส้มแดง จึงได้มีการแยกออกเป็นสายพันธุ์สีแดงในเวลาต่อมา ซึ่งในช่วงหลังปรากฎว่าปลาอะโรวาน่าสายพันธุ์นี้กลับได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ปลาอะโรวาน่าแดง (Red Arowana)
จนปัจจุบันราคาปลาสายพันธุ์นี้ได้เขยิบตัวสูงขึ้นมากทีเดียว สำหรับแหล่งปลาอะโรวาน่าแดงที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นแหล่งของปลาอะโรวาน่าแดงที่มีสีสันสวยงามที่สุดอยู่ที่รัฐกาลิมันตันและเท่าที่ทราบราคาปลาที่ซื้อขายกัน ปลาอะโรวาน่าที่นี่จะมีราคาแพงกว่าปลาอะโรวาน่าแดงจาแหล่งน้ำอื่น ๆ เพราะตลาดมีความต้องการมาก ทำให้พ่อค้าคนไทยมักสู้ราคาไม่ไหวจึงทำให้ปลาอะโรวาน่าแดงที่สั่งเข้ามาจำหน่ายโดยมากจะเป็นปลาอะโรวาร่าแดงที่มีสีสันไม่สดสวยเท่าที่ควรจึงเป็นที่น่าวิตกว่าอนาคตความนิยมในปลาอะโรวาน่าแดงในบ้านเราอาจจะลดน้อยลงเนื่องจากปลาที่เลี้ยงพอโตขึ้นมากลับมีสีสันไม่สวยดึงดูดใจเท่าที่ควรและอาจทำให้นักเลี้ยงปลาเลิกให้ความสนใจแก่ปลาอะโรวาน่าสายพันธุ์นี้ เนื่องจากไม่มีโอกาสได้เห็นปลาอะโรวาน่าสายพันธุ์สีแดง ที่มีความสวยงามจริง ๆ
 
http://feeding-fish.blogspot.com

แนะวิธีเลี้ยงปลาทองอย่างถูกต้อง

แนะวิธีเลี้ยงปลาทองอย่างถูกต้อง

แนะวิธีเลี้ยงปลาทองอย่างถูกต้อง




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ปลาทอง เป็นปลาสวยงามอันดับต้น ๆ ที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง เพราะสวยงามและดูมีชีวิตชีวา แถมชื่อยังเป็นมงคลอีกด้วย นักเลี้ยงปลาทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น จึงเลือกเลี้ยงเจ้าปลาชนิดนี้ไว้ดูเล่นกันเป็นจำนวนมาก

          แม้ว่าปลาทอง จะเป็นปลาสวยงามที่เลี้ยงไม่ยาก แต่หลายต่อหลายคนก็อกหักจากการเลี้ยงปลาทองมาแล้วไม่น้อย เนื่องจากปลาทองจัดเป็นปลาที่ตายได้ง่าย ๆ หากไม่รู้วิธีการเลี้ยงอย่างถูกต้อง และวันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ ในการเลี้ยงมาฝากกัน

          ก่อนอื่นมาทำความรู้จักปลาทองที่ได้รับความนิยมเลี้ยงในไทย แบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์คือ 

          1.ปลาทองพันธุ์หัวสิงห์ มีลักษณะเด่นบริเวณหัว ที่จะมีก้อนเนื้อหุ้มอยู่คล้ายสวมหัวโขน

          2.ปลาทองพันธุ์ออรันดา ลำตัวค่อนข้างยาว ครีบหางอ่อนช้อยเป็นพวงสวยงาม

ภาชนะที่ใช้เลี้ยง

          ในการเลี้ยงปลาทองให้สุขภาพแข็งแรง และมีสีสันสดใส จำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่สถานที่เลี้ยง และภาชนะที่ใช้เลี้ยง โดยทั่วไปนิยมเลี้ยงในตู้กระจกใส และอ่างซีเมนต์ หากเลี้ยงในตู้กระจกควรเลือกขนาดที่มีความจุของน้ำอย่างน้อย 40 ลิตร ใช้เลี้ยงปลาทองได้ 12 ตัว แต่ถ้าเลี้ยงในอ่างซีเมนต์ ต้องคำนึงถึงแสงสว่าง ควรเป็นสถานที่ไม่อับแสง และแสงไม่จ้าจนเกินไป ทั้งนี้ ควรใช้ตาข่ายพรางแสง ประมาณ 60% ปิดปากบ่อ ส่วนสภาพของบ่อเลี้ยงควรสร้างให้ลาดเอียง เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนถ่ายน้ำ
   
การให้อาหาร

          แนะนำว่าควรให้อาหารสำเร็จรูป วันละ 1-2 ครั้ง โดยการให้แต่ละครั้งไม่ควรมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ปลาทองอ้วน และเสี่ยงตายได้ เนื่องจากปลาทองค่อนข้างกินจุ ดังนั้นอย่าตามใจปากปลาทอง ส่วนอาหารเสริมอย่างลูกน้ำและหนอนแดง สามารถให้เสริมได้โดยดูความอ้วนและความแข็งแรงของตัวปลา ลักษณะปลาที่ตัวใหญ่หรืออ้วน สังเกตได้จากบริเวณโคนหางจะใหญ่แข็งแรงและมีความสมดุลกับตัวปลา และเมื่อมองจากมุมด้านบนจะสังเกตเห็นความกว้างของลำตัวอ้วนหนาและบึกบึน ขณะที่สีบนตัวปลาจะต้องมีสีสดเข้ม

คุณภาพของน้ำ

          น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด น้ำประปาที่ใช้เลี้ยงต้องระวังคลอรีน ควรเตรียมน้ำก่อนนำมาใช้เลี้ยงปลาทุกครั้ง โดยเปิดน้ำใส่ถังเปิดฝาวางตากแดดทิ้งไว้เพื่อให้คลอรีนระเหย หรืออาจติดตั้งเครื่องกรองน้ำใช้สารเคมีโซเดียมไธโอซัลเฟตละลายลงในน้ำ มีคุณสมบัติในการกำจัดคลอรีน แต่ควรดูสัดส่วนในการใช้ เพราะสารเคมีพวกนี้มีผลข้างเคียงต่อปลาหากใช้ไม่ถูกวิธี 

อากาศหรือออกซิเจนในน้ำ

          ปลาทองส่วนใหญ่เคยชินกับสภาพน้ำที่ต้องมีออกซินเจน ดังนั้น อย่างน้อยในภาชนะเลี้ยงต้องมีการหมุนเวียนเบา ๆ ไม่ว่าจะผ่านระบบกรองน้ำ น้ำพุ น้ำตก หรือปั๊มน้ำ เพราะการหมุนเวียนของน้ำ เป็นการทำให้เกิดการเติมออกซิเจน และปลาทองขนาดใหญ่ย่อมต้องการออกซิเจนมากกว่าปลาเล็ก ส่วนเรื่องอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมคือ 28-35 องศาเซลเซียส แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาอุณหภูมิของน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว หากซื้อปลาบรรจุถุงมา เวลาจะปล่อยปลาลงในอ่างเลี้ยง ควรแช่ถุงลงในอ่างเลี้ยง 10-15 นาที เพื่อให้อุณหภูมิของน้ำในถุงกับในอ่างถ่ายเทเข้าหากันจนใกล้เคียงกัน แล้วค่อยปล่อยปลาลงไป

          การเลี้ยงปลาทอง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจกับภาชนะเลี้ยง สภาพน้ำ การให้อาหาร และหมั่นสังเกตเจ้าปลาตัวโปรดของคุณอย่างสม่ำเสมอ ก็จะได้ปลาทองสวย ๆ ไว้เชยชมไปนาน ๆ

การเลี้ยงปลาสวยงาม

วิธีเลือกซื้อปลาทอง

การเริ่มต้นเลี้ยงปลาทอง
เป็นอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นหัวใจหลักของการเลี้ยงปลาทอง คือ การเลือกซื้อปลาทอง ให้ได้ตามลักษณะสายพันธุ์ที่คุณจะเลี้ยง ถ้าหากคุณสามารถเลือกซื้อปลาทองได้ดีแล้ว คุณก็คือผู้หนึ่งที่   ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงปลาทองไปแล้วไม่มากก็น้อย เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะเลี้ยงปลาทองคุณควร  ศึกษาหาความรู้ในด้านการดูลัษณะของปลาทองตามชนิดหรือสายพันธุ์ที่คุณจะเลี้ยง คุณควรมีหลักในการเลือก ซื้อไว้บ้าง มิฉะนั้นคุณอาจจะต้องเสียใจ การซื้อปลาทองตั้งแต่เล็ก ๆ โดยไม่ใส่ใจสิ่งใดเลย เมื่อปลาโตขึ้นคุณ  อาจต้องพบกับความผิดหวังเพราะปลาที่เลี้ยงไว้นั้นไม่สวยหรือมีลักษณะที่พิการ บางทีอาจหมดกำลังใจเลิก    เลี้ยงไปเลยก็เป็นได้ แต่ตรงกันข้ามถ้าหากคุณเลือกซื้อปลาทองไห้ได้ตรงตามลักษณะตามสายพันธุ์แล้วนั้น  โอกาสที่คุณจะได้ปลาทองที่ดีและมีคุณภาพนั้นก็มีมากขึ้น คุณอาจจะผสมพันธุ์ปลาทองนั้นขายเป็นผลพลอยได้อีก 



การเลือกซื้อปลาทอง
ไว้ดูเล่นถ้าไม่จำเป็นอะไรมากนักคุณควรมีหลักง่ายๆ ในการเลือกซื้อปลาทอง คือ

ข้อแรก คุณควรเลือกซื้อปลาทองจากร้านค้าปลาทองหรือฟาร์มปลาทองที่มีความน่าเชื่อถือ และคุณควรมี ความสามารถที่จะดูลักษณะปลาทองตามสายพันธุ์ที่คุณจะเลี้ยงไว้บ้างพอสมควรหรือจะหาผู้ที่มีความสามารถ   ที่จะดูลักษณะปลาไปเป็นเพื่อนเลือกซื้อปลาทอง ข้อสำคัญควรสอบถามราคาปลาทองแต่ละชนิดไว้เป็นข้อ เปรียบเทียบความแตกต่างกันด้วย

ข้อสอง คุณควรเลือกซื้อปลาทองที่แข็งแรงปราศจากโรค หรือปลาทองที่   ได้รับความกระทบกระเทือนจากการขนส่ง โดยสังเกตุการว่ายน้ำของปลาจะต้องว่ายน้ำตลอดเวลาไม่อยู่นิ่ง ๆ    และการว่ายน้ำนั้นต้องไม่ผิดปกติ เช่นว่ายหมุนควงตีลังกา หรือว่ายสั่นกระตุก หรือว่ายเร็วผิดปกติเอาลำตัว    เสียดสีกับตู้ไปมา คุณควรเลือกซื้อปลาที่มีความกระตือรือล้น มีการเคลื่อนไหวไปมาปกติ การทรงตัวของปลา   มีการใช้ครีบทรงตัวปกติ และการว่ายน้ำใช้ครีบทุกครีบในการว่าย คุณอาจใช้วิธีทำให้ปลาตกใจโดยการใช้    กระชอนไล่จับปลาช้า ๆ สลับกับเร็ว ๆ (หันดูเจ้าของร้านด้วยนะ) สังเกตุการเคลื่อนไหวในการหนีของปลา   ปลาทองที่ดีจะต้องหนีได้รวดเร็วและการหนีนั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวล ห้ามซื้อปลาที่ว่ายหนีไปทางนี้ทีทางโน้น ทีอย่างทุรนทุรายพุ่งขึ้นพุ่งลง ปลาทองที่ว่ายน้ำหัวทิ่มว่ายดิ่งลงก้นตู้ไม่ว่ายขนานกับตู้ หรือว่ายน้ำไม่ใช้ครีบ    ทุกครีบในการว่ายเป็นอีกข้อห้ามในการเลือกซื้อปลาทองด้วย ถึงแม้ปลาจะสวยบาดใจคุณขนาดใหนก็ตาม    

ข้อสาม หลีกเลี่ยงการซื้อปลาที่มีลักษณะผอมแห้งหรืออ้วนผิดรูปทรง ครีบไม่ครบ ครีบที่เป็นคู่นั้นสั้นข้างยาว    ข้างเล็กบ้างใหญ่บ้าง แม้ว่าเจ้าของร้านจะบอกอย่างเข้มแข็งว่าผอมอย่างนี้เป็นปลาตัวผู้ที่อ้วน ๆ ปลาตัวเมีย    หรือว่าเลี้ยงไว้จำนวนมากอาหารไม่ทั่วถึงเลยผอม ปลาที่มีลักษณะผอมมักมีโรคซ่อนอยู่มักเลี้ยงไม่โตและ   อ่อนแอ ปลาที่อ้วนอาจเป็นปลาท้องอืดมีลมในกระเพาะเป็นสาเหตุให้ทรงตัวไม่ดีในอนาคต อีกอย่างที่ควร   คำนึงถึงเมื่อคุณเดินเข้าร้านขายปลาควรใช้ความสังเกตุมองดูให้ทั่ว ๆ เหลือบมองลงในถังขยะบ้างก็ดีว่ามีปลา    ตายบ้างหรือไม่ ตามตู้ปลามีปลาตายอยู่หรือไม่ ถ้าเห็นเช่นนั้นแล้วพึงควรหลีกเลี่ยงไว้ด้วย ปลาทองที่ดีและ    ไม่เป็นโรคนั้นสังเกตุได้จากความสดใสบนตัวปลาจะต้องไม่มีรอยขีดขูดใด ๆ เกล็ดต้องมีความแวววาวและเป็นระเบียบ ครีบทุกครีบต้องไม่ขาดวิ่นหรือเปื่อย หรือมีจุดตกเลือดตามลำตัวครีบและหางอีกทั้งไม่มีสิ่งแปลกปลอมเกาะติดตามตัวหรือมีจุดใด ๆ ปูดโปนออกมา ดวงตาสดใสไม่ขุ่นมัว มีสีสันสดใส ในกรณีที่มีปลาในตู้ใดมีสิ่งผิด   ปกติตามที่กล่าวมาควรเปลี่ยนไม่เลือกซื้อปลาในตู้นั้น เพื่อป้องกันการซื้อปลาทองที่เป็นโรคหรือนำโรคปลาทอง   กับไปแพร่ยังปลาที่บ้าน 

ข้อเสนอแนะในการเลือกซื้อปลาทอง

การเลือกซื้อปลาทองไม่ใช่เรื่องยากและก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณควรคำนึงถึงลักษณะรูปทรงตามสายพันธุ์ต่าง ๆ ของปลาทอง เลือกซื้อปลาทองจากร้านที่ได้มาตราฐาน ภายในร้านมีการดูแลเอาใจใส่ปลาเป็นอย่างดี ข้อสำคัญต้องสังเกตุว่าปลาจะต้องไม่เป็นโรค ถ้าเกิดเจอปลาในตู้ใดที่เลือก อยู่มีปลาที่มีลักษณะส่อถึงการเกิดโรคแล้วไม่ควรซื้อปลาในตู้นั้นโดยเด็ดขาด แม้ว่าจะมีปลาที่ได้เลือกในตู้นั้น  แล้วสมบูรณ์และสวยงามมากก็ตาม ควรเปลี่ยนตู้ใหม่หรือเปลี่ยนร้านไปเลยก็ได้ ควรเปรียบเทียบราคาปลาทอง  แต่ละร้านไม่ควรรีบร้อนตัดสินใจ ทั้งด้านราคาหรือคุณภาพ แต่ถ้าหากเจอปลาที่ดีแล้วหละก็ไม่ควรรีรอ เพราะ    อาจถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา โดยเฉพาะห้ามพาเพื่อนที่มีความต้องการปลาทองเหมือนคุณไปเลือกซื้อปลาทอง  ด้วยกัน เพราะอาจถูกแย่งได้ สิ่งที่สมควรพาไปด้วยมากที่สุดคือผู้ที่มีความรู้เรื่องปลาทองในด้านการดูลักษณะ และสามารถให้ความรู้กับคุณได้หรือมีประสบการณ์ด้านการเลี้ยงปลาทอง ถ้าหากคุณยังไม่มีประสบการณ์มากนักและไม่มีผู้ให้คำปรึกษา ขอแนะนำให้ซื้อปลาทองที่มีราคาไม่แพงนัก ราคาถูก มีลักษณะดี หรือปลาทองขนาด  เล็กที่มีราคาไม่แพงมาฝึกเลี้ยงก่อนก็จะดี
ข้อจำเป็นอีกประการก่อนซื้อปลาทองไปเลี้ยงควรเตรียมอุปกรณ์และภาชนะที่จะใช้เลี้ยงรวมถึงน้ำที่จะใช้ให้พร้อมก่อนไปซื้อปลา อีกทั้งขนาดของภาชนะที่จะเลี้ยงกับขนาดและ   จำนวนของปลาทองด้วย อย่าหลงเชื่อว่าปลาทองที่มีราคาแพงจะต้องเป็นปลาที่ดีเสมอไป หรือปลาทองที่มาจากต่างประเทศจะเป็นปลาที่ถูกต้องตามลักษณะและเป็นปลาทองที่ดี ปลาทองที่มีราคาถูกกว่าหรือปลาทองที่เพาะเลี้ยงในประเทศก็เป็นปลาทองที่ดีได้เช่นกัน จากข้อแนะนำที่กล่าวมาแล้วนี้ คงมีประโยชน์ในการที่จะช่วยคุณ  เลือกซื้อปลาทองที่ดีและมีคุณภาพได้บ้างนะครับ

ลักษณะธรรมชาติของ "ปลามังกร"

ลักษณะธรรมชาติของ "ปลามังกร"เป็นปลาน้ำจืด ตระกูลปลากินเนื้อชอบกินสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ เช่น แมลงสาบ ตะขาบ จิ้งจก ปลาเล็ก มีนิสัยดุร้าย ในบางแห่งเรียกปลาชนิดนี้ว่าปลาตะพัด แต่ในเขต 3 จังหวัดภาคใต้ ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าปลากรือซอ ปลาชนิดนี้มีมากในแถบอินโดนีเซีย มาเลเซียและประเทศไทยตอนล่าง ซึ่งพบในลำน้ำสายบุรี โดยเฉพาะที่บึงน้ำใสตำบลตะโละหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดปลามังกร แหล่งใหญ่แหล่งหนึ่งปลามังกรมี รูปร่างยาวเรียว ตัวแบน ๆ คล้ายปลากระบอก มีผู้พบขนาดโตเต็มที่ ความยาวประมาณ 2 ฟุต กว่า ๆ ลำตัวกว้างประมาณ 10 นิ้ว เป็นปลาที่มีอายุยืน การขยายพันธุ์โดยการวางไข่ปีละ 1 ครั้ง ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน และจะฟักเป็นตัวอ่อนขนาด 1 นิ้ว ประมาณเดือนตุลาคม เป็นปลา ที่ชอบเล่นแสงไฟ ดังนั้นในการจับปลามังกร จึงมีการใช้แสงไฟล่อให้ปลามาเล่นแสงไฟ และใช้สวิง ดักจับ ปลามังกรมีสีสรรแตกต่างกันแล้วแต่ชนิดของมัน

ปลามังกร

ถิ่นกำเนิดปลามังกร
ปลาอะโรวาน่าหรือปลาตะพัดเป็นปลาที่จัดอยู่ในครอบครัว Osteoglossidae (ออสทีโอกลอสซิดี้) ปลาในตระกูลนี้หากจัดแบ่งตามแหล่งที่อยู่อาศัยหรือเขตุภูมิภาคที่พบซึ่งเป็นที่ยอมรับของสากลจะแบ่งออกเป็น 4 สกุล (Genus) และมี 7 ชนิด (Species) คือ

-ทวีปอเมริกาใต้ 3 ชนิด
-ทวีปออสเตรเลีย 2 ชนิด
-ทวีปอัฟริกา 1 ชนิด

http://feeding-fish.blogspot.com/2010/09/blog-post_23.html

บ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟ

บ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟปลาคาร์ฟเป็นปลาที่สวยงามโดยเฉพาะตรงหลังของปลา จึงไม่นิยมเลี้ยงในตู้กระจก บ่อปลาไม่มีกำหนดว่าจะต้องใหญ่ หรือเล็ก เอาอ่างอะไรก็ได้ที่ มีเนื้อที่ให้ปลาได้ว่ายหน่อย เพราะปลาคาร์พสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดีมาก แต่มีข้อคิดคือปลาคาร์พเป็นปลาที่ไม่อยู่นิ่ง ( active ) ดังนั้นบ่อใหญ่ย่อมดีกว่าบ่อเล็ก บ่อลึกย่อมดีกว่าบ่อตื้น เมื่อปลาอยู่ในพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ ปลาจะว่ายอย่างมีความสุข บ่อเลี้ยงควรมีบ่อกรองเพื่อไม่ทำให้เรายุ่งยากในการเปลี่ยนน้ำ



บ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟ

การสร้างบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟไม่มีขนาดและรูปทรงที่แน่นอน แต่มีข้อแม้ว่าบ่อกรองควรมีขนาดหนึ่งในสามของบ่อเลี้ยง เพื่อประสิทธิภาพในการกรองที่ดี ความลึกของน้ำที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงปลาแฟนซีคาร์พคือ 80-150 ซม.(ขึ้นอยู่กับขนาดของ ปลาที่จะเลี้ยง) และขอบบ่อควรสูงกว่าระดับน้ำในบ่อ 20-30 ซม. ถ้าเป็นบ่อแบบขุดลงดินขอบบ่อก็ควรสูงกว่าพื้นดินไม่น้อยกว่า 30 ซม. เพื่อป้องกันน้ำท่วมบ่อ ก้นบ่อควรเทพื้นให้ลาดเอียง 20-30 องศา จากริมก้นบ่อโดยรอบเข้าหาใจกลางบ่อที่เป็นเป็นตัว U และสะดือบ่อที่อยู่ใจกลางบ่อก็ควรมีขนาดที่ไม่เล็กจนเกินไป และอาจมีได้หลายสะดือ ถ้าบ่อมีขนาดใหญ่มากๆ หรือมีส่วนที่เว้าเยอะ วัสดุในบ่อกรองให้ใช้หินกรองสามขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ปั๊มน้ำก็ควรใช้ที่เงียบ และแรงเหมาะสมกับขนาดบ่อ บ่อทรงกลมจะช่วยให้ไม่ต้องใช้ปั๊มน้ำขนาดใหญ เพื่อให้น้ำในบ่อหมุน เพราะถ้าน้ำหมุนก็จะทำให้ขี้ปลาไปรวมที่ก้นบ่อเร็ว และจะลงไปในสะดือไปที่บ่อกรองได้ง่าย ที่ตั้งของบ่อก็ควรให้มีแดดส่องถึง อย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง หรือให้แสงส่องลงบ่อประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์

1. บ่อเลี้ยงแบบบ่อกรองและบ่อเลี้ยงอยู่บนดิน
บ่อแบบนี้จะสะดวกต่อการจัดการ เพราะน้ำที่มาจาก สะดือบ่อเลี้ยง จะมาที่บ่อกรอง โดยตรง ไม่ต้องใช้การปั๊มจากบ่อพัก มาบ่อกรอง และการล้างบ่อกรองก็ง่ายเพราะบ่อกรองอยู่บนดิน เพียงแค่เปิดวาล์วที่ทำไว้กันบ่อกรองต่อกับสะดือบ่อกรองทุกห้อง โดยใช้วิธี ล้างกลับ (Reverse Flow) โดยการให้น้ำไหลจากด้านบนกลับไปที่ด้านล่างจนกว่าน้ำจะใส ประมาณปีละ2-3 ครั้งขึ้นอยู่กลับปริมาณปลาและการให้อาหาร ข้อสำคัญก้นบ่อกรองจะต้องเทลาดเอียงทุกห้อง และมีสะดือบ่อเหมือนบ่อเลี้ยง ให้ตะกอนมารวมกันเพื่อง่ายต่อการกำจัด

2. บ่อเลี้ยงแบบบ่อกรองและบ่อเลี้ยงอยู่ในดิน
วิธีสร้างบ่อกรองแบบนี้ไม่สามารถทำวาล์วไว้ที่ก้นบ่อ ได้เหมือนสองวิธีแรกได้ เพราะระดับน้ำของก้นบ่อกรอง อยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินปกติ ดังนั้นจึงต้องทำก้นบ่อกรองให้ลาดเอียงไปทางด้านช่องของน้ำล้น เข้า ที่ไม่ได้ใส่วัสดุกรองของแต่ละช่อง และช่องว่างของช่องน้ำล้นเข้าต้องกว้างพอที่จะใส่ปั๊มน้ำลงไปได้ เพราะเมื่อต้องการล้างบ่อกรอง โดยใช้ วิธีการล้างกลับ (Reverse Flow) โดยการให้น้ำไหลจากด้านบนกลับไปที่ด้านล่างจนกว่าน้ำจะใสนั้น จะต้องใช้ปั๊มน้ำเป็นตัวดึงน้ำออกแทนการเปิดวาล์วแบบสองวิธีแรก

3. บ่อเลี้ยงแบบบ่อกรองอยู่บนดินและบ่อเลี้ยงขุดลงในดิน
วิธีสร้างบ่อกรองใช้เหมือนวิธีแรกแต่บ่อพักต้องสร้างลึก ลงไป ให้ เท่ากับก้นบ่อเลี้ยง แล้วใช้ปั้มน้ำปั้มน้ำจากบ่อพัก มาบ่อกรอง ขนาดของบ่อพัก ไม่จำกัดจะใหญ่หรือเล็กก็ได้ การล้างบ่อกรองก็เหมือนวิธีแรก

http://feeding-fish.blogspot.com/2010/10/blog-post.html

ปลาทะเลที่เลี้ยงได้ไม่ยากจนเกินไปนัก เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง ซึ่งจะกล่าวถึงข้อดี - ข้อเสีย สำหรับปลาแต่ละตัวไว้สำหรับพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียของปลาแต่ละพันธุ์แต่ละชนิดนะครับ

ปลาทะเลที่เลี้ยงได้ไม่ยากจนเกินไปนัก เหมาะสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง ซึ่งจะกล่าวถึงข้อดี - ข้อเสีย สำหรับปลาแต่ละตัวไว้สำหรับพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียของปลาแต่ละพันธุ์แต่ละชนิดนะครับ

ปลาการ์ตูน (ระดับความง่ายในการเลี้ยง : 8.5)
เป็นปลาที่นิยมมากที่สุด มีหลายสายพันธุ์ เช่น ปลาการ์ตูนลายปล้อง ปลาการ์ตูนแดง ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ เป็นต้น แต่ที่นิยมเลี้ยงส่วนมาก คือ ปลาการ์ตูนส้ม จากการ์ตูนดัง นีโม เนื่องจากเป็นที่คุ้นตามากกว่า ซึ่งปลาการ์ตูนเป็นปลาที่มีลักษณะเฉพาะคือว่ายน้ำบิดไป-มา ทำให้ดูน่ารักเป็นพิเศษ และสามารถเลี้ยงได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีดอกไม้ทะเล ( Anemone ) ซึ่งต้องใช้ไฟจัดในการเลี้ยงเท่านั้น (ไฟ MH หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ 6 หลอดขึ้นไป)
ปลาการ์ตูน
ข้อดี
1. มีรูปร่างน่ารักสวยงาม สีสันฉูดฉาด สะดุดตา
2. เป็นปลาที่กินอาหารง่ายทั้งอาหารสำเร็จรูป และ อาหารสด
3. เป็นปลาที่ค่อนข้างทนในหลายๆสภาวะแวดล้อม จัดว่าเลี้ยงง่าย
4. เป็นปลาที่ไม่ดุร้ายกับปลาชนิดอื่น เลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่นได้ ยกเว้น การ์ตูนบางชนิด
5.มีราคาตั้งแต่ถูก ถึง แพง ขึ้นอยุ่ว่านำเข้าหรือไม่ หรืออาจมีลายที่หาพบได้ยาก

ข้อเสีย
1. เป็นปลาที่ชอบถูกจับยามาจากทะเล ทำให้มาตายในตู้เราโดยไม่รู้สาเหตุ
2. สำหรับ ปลาการ์ตูนแดง ปลาการ์ตูนลายปล้อง และปลาการ์ตูนมะเขือเทศ เป็นปลาที่ดุร้ายมาก หวงถิ่น มักจะกัดปลาการ์ตูนด้วยกัน นอกเสียจากมันจะจับคู่กันแล้ว จึงไม่ควรเลี้ยงปลาการ์ตูนหลายๆชนิดในตู้เดียวกัน นอกจากตู้จะใหญ่ และลงปลาตามลำดับความดุร้าย จากดุร้ายน้อย ไปมาก
http://feeding-fish.blogspot.com/2011/02/blog-post_11.html

วิธีการเลี้ยงปลาสวยงาม

วิธีการเลี้ยงปลาสวยงามปลาสวยงามแต่ละชนิดมีความต้องการปัจจัยในการเลี้ยงต่างกัน ดังนั้นหากต้องการให้ปลาที่เลี้ยงมีความสวยงาม แข็งแรง และเจริญเติบโตดีตามต้องการ ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

1. ภาชนะสำหรับเลี้ยงปลา
ปลาสวยงามแต่ละชนิดจะมีความสวยงามมากขึ้น หากเลือกภาชนะในการเลี้ยงได้ถูกต้องเหมาะสม เช่น ปลาคาร์พ และปลาอะราไพม่า เหมาะที่จะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ภายนอกอาคาร ปลาแรด และปลามังกรเหมาะที่จะเลี้ยงในตู้กระจกขนาดใหญ่และเลี้ยงเพียงตัวเดียวโดดๆ ปลานีออน ปลาก้างพระร่วง ปลาตะเพียนทอง ปลาเสือสุมาตรา ปลาม้าลาย ปลาซิวข้างขวาน ปลาหางนกยูง และปลาสอด เหมาะที่จะเลี้ยงในตู้กระจกขนาดเล็กถึงขนาดกลาง โดยเลี้ยงเป็นฝูงจะยิ่งทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ส่วนปลากัด เหมาะสำหรับเลี้ยงในภาชนะขนาดเล็กเช่นขวดเหลี่ยม หรือขวดโหลรูปทรงต่างๆ

การเลี้ยงปลาสวยงาม
2. สถานที่
คือการเลือกที่สร้างบ่อหรือที่จัดวางตู้ปลา พร้อมอุปกรณ์ประกอบอื่นๆให้เหมาะสมสอดคล้องกับอาคาร หรือลักษณะของห้อง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใด มุมใด หรือห้องใด เพราะเมื่อสร้างบ่อหรือจัดวางตู้เรียบร้อยแล้ว หากเกิดเปลี่ยนใจอยากเปลี่ยนสถานที่ใหม่ จะมีความยุ่งยากในการเคลื่อนย้าย เพราะต้องมีการถ่ายน้ำออกและเคลื่อนย้ายปลา มักมีผลทำให้ปลาบอบช้ำหรือตู้เลี้ยงปลาชำรุดแตกร้าวได้ง่าย โดยเฉพาะหากทำให้ตู้ปลาเกิดการรั่วซึม ก็จะทำให้เกิดปัญหากับบริเวณข้างเคียง หรือการซ่อมแซมตู้อาจทำให้ความสวยงามลดลงได้

3. ความหนาแน่นของปลา
คือจำนวนปลาที่จะเลี้ยงในแต่ละตู้ไม่ควรให้มีจำนวนมากเกินไป สำหรับปลาบางชนิดอาจต้องเลี้ยงเพียงตัวเดียว เช่นปลามังกร ปลาแรด ปลาเค้า ปลากราย ปลาตองลาย ปลาบู่ ปลาชะโด และปลากัด ไม่เช่นนั้นปลาจะไล่กัดทำอันตรายกันเอง ปลาบางชนิดอาจเลี้ยงเป็นคู่หรือจำนวนไม่มากมายนัก เช่น ปลาออสการ์ ปลาปอมปาดัวร์ ปลาเทวดา และปลาหมอชนิดต่างๆ หรือปลาบางชนิดควรเลี้ยงหลายตัวให้เป็นฝูงหรือเลี้ยงร่วมกับปลาชนิดอื่นๆ แต่ก็ไม่ควรให้มีจำนวนมากมายจนเกินไป เพราะหากมีจำนวนมากเกินไป ปลาจะไม่ค่อยเจริญเติบโต แต่กลับอ่อนแอป่วยเป็นโรคได้ง่าย สำหรับจำนวนปลาที่เหมาะสมนั้นจะขึ้นกับชนิดและขนาดของปลาด้วย ซึ่งผู้เลี้ยงควรจะได้ศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ

4. การรักษาความสะอาดในภาชนะเลี้ยงปลาหรือตู้ปลา
ผู้เลี้ยงควรจะทำความเข้าใจวิธีการทำความสะอาดเพื่อกำจัดสิ่งหมักหมม และตะกอนที่ตกค้างอยู่ในระบบกรองน้ำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเท่ากับเป็นการกำจัดเศษอาหารและมูลที่ปลาขับถ่ายออกมาออกจากตู้ปลา โดยทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะทำให้ปลาที่เลี้ยงมีการเจริญเติบโตรวดเร็ว และยังเป็นการช่วยป้องกันการเกิดโรคระบาดปลา ที่อาจเกิดจากเศษอาหารที่บูดเน่าได้
-->
http://feeding-fish.blogspot.com/2010/09/blog-post_12.html

ประวัติปลา สวยงาม

ประวัติปลา สวยงามPosted: 25 ก.ค. 54  18:06 น.  by dew123 in อื่นๆ
Tags: -   Blog: Biogang Blog 's dew123

การเลี้ยงปลาสวยงามเพื่อให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะเลี้ยงปลาให้มีความสมบูรณ์นั้นประกอบด้วยการจัดการที่ดี สายพันธุ์ที่เติบโตเร็ว และอาหาร ซึ่งมีความจำเป็นเพื่อการเจริญเติบโต ของปลาอันจะทำให้ปลามีคุณภาพตามความต้องการของตลาด จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจความต้องการอาหารซึ่งเป็นตัวกำหนด ชนิดของอาหาร ขนาดของอาหารที่เหมาะสม ปริมาณการให้อาหาร วิธีการให้อาหาร เพราะถ้าให้มากเกินไปทำให้น้ำเน่าเสียได้ สิ้นเปลืองเวลาในการเปลี่ยน ถ่ายน้ำสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ทำให้เกิดปัญหาเรื่องโรค และปัญหาอื่นๆ ตามมา อีกมากมาย
        อาหารจึงมีบทบาทสำคัญต่อการเลี้ยงปลาสวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพ การเลี้ยงที่มีความหนาแน่นสูง ขณะเดียวกันที่ผู้เลี้ยงไม่สามารถจัดเตรียมอาหารธรรมชาติให้ได้เพียงพอ การผลิตอาหารปลาสวยงาม มีหลักการเช่นเดียวกับ การผลิตอาหารทั่วๆ ไป คือ ต้องทราบความต้องการโปรตีน คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, วิตามิน และแร่ธาตุ ที่เหมาะสม เพื่อการเจริญเติบโต และผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการขาดสารอาหารที่จำเป็นชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งมีผลทำให้การเจริญเติบโตลดลงจนเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหรือตายได้
        การเลี้ยงปลาทั่วไปจะนิยมใช้อาหารมีชีวิต และอาหารสำเร็จรูป โดยในระยะที่ปลามีขนาดเล็กมักจะนิยมใช้อาหารมีชีวิตแต่เมื่อปลามีขนาดใหญ่ ก็จะเปลี่ยนเป็นอาหารสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูปมีข้อดี กว่าอาหารธรรมชาติหลายประการได้แก่ สามารถที่จะควบคุมคุณภาพ ให้มีคุณภาพที่เป็นไปตามมาตรฐานที่จะทำให้เป็นที่ยอมรับของ ลูกปลา และทำให้อัตราการรอดตาย สูงด้วย ดังนั้นในการผลิตอาหาร จึงต้องคำนึงถึงองค์ประกอบเหล่านี้ ความสม่ำเสมอ และความคงทนในขณะที่ละลายน้ำเนื่องจาก อาหารสำเร็จรูปจะทำให้น้ำเสียได้ง่าย ขนาดของอาหารต้องปรับให้ เข้ากับการเจริญเติบโตของลูกปลา ขนาดของอาหารใหญ่ขึ้นเมื่อปลามีขนาดใหญ่ขึ้น ชนิดและประเภทของอาหาร ต้องมีความเหมาะสมกับที่อยู่อาศัยของปลา ในที่นี้จะขอร่วมกับในส่วนของอาหารสำเร็จรูป จากนั้นจะตามด้วยอาหารมีชีวิต ความต้องการอาหารของปลาได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และแร่ธาตุอันจะเป็นประโยชน์ในการทำอาหารสำเร็จรูป อีกส่วนเป็นการเพาะเลี้ยงอาหารมีชีวิต ได้แก่ อาร์ทีเมีย ไรแดง หนอนนก และหนอนแดง เป็นต้น
http://www.biogang.net/blog/blog_detail.php?uid=19229&id=62
ปลาหมอสี "ครอสบรีด"
ปลาหมอสีครอสบรีด คือ การที่มนุษย์นำเอาปลาหมอสีที่ต่างสายพันธุ์กัน มาผสมพันธุ์กันเพื่อสร้างสายพันธุ์ใหม่ให้มีความสวยงามมากขึ้น  โดยนำเอาจุดเด่นของสายพันธุ์หนึ่ง มาผสมกับจุดเด่นของอีกสายพันธุ์หนึ่ง โดยในการทด ลอง บางทีการผสมพันธุ์อาจได้ปลาตรงตามที่จินตนาการไว้ หรืออาจจะไม่ตรงเลยก็ได้ เช่น การนำปลาหมอสีสายพันธุ์หนึ่งที่มีโทนสีแดง หัวโหนก ลำตัวใหญ่ มาผสมกับปลาหมอสีอีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีลักษณะหน้าสั้น หัวโหนก กระโหลกใหญ่ เพื่อให้ได้ปลาที่หัวโหนก ลำตัวใหญ่ กระโหลกใหญ่ และมีสีแดง แต่ผลที่ได้จริงกลับมีความหลากหลายกว่าที่คิดไว้ โดยมีส่วนหนึ่งตรงตามจินตนาการ แต่อีกส่วนหนึ่งผิดเพี้ยนไป กลายเป็นปลาลำตัวสั้น หน้าหักบ้างก็มี การผสมพันธุ์ปลาแบบข้ามสายพันธุ์จึงสรุปได้ว่าเป็นอะไรที่ไม่มีความแน่นอน คนจึงเรียกปลาพวกนี้ว่าเป็น "ปลาเปอร์เซ็นต์" ซึ่งผู้ที่จะเพาะพันธุ์ให้ได้ปลาสวยๆ ต้องอาศัยประสบการณ์ และระยะเวลาในการพัฒนาความสวยงามเป็นอย่างมาก ผู้ที่คิดจะเลี้ยงปลาหมอสีครอสบรีดจึงควรต้องศึกษาหาความรู้ให้ดีเสียก่อน เพราะความไม่แน่นอนของมัน อาจทำให้คุณผิดหวังเมื่อมันโตขึ้นมา

 

ปลาหมอสีครอสบรีดที่ได้รับความนิยม

ปลาหมอสี "ฟลาวเวอร์ฮอร์น"
เป็นปลาหมอสีที่ผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง "ปลาหมอไตรมาคูลาตัส" (Nandopsis trimaculatus) ที่มีลวดลายมาร์กกิ้งสวยงาม ผสมกับ "ปลาหมอเรดเดวิล"  (Amphilophus citrinellus) ซึ่งมีสีแดงส้มและมีหัวโหนก แต่ในปัจจุบันมีการผสมข้ามกับสายพันธุ์อื่นๆอีก ฟลาวเวอร์ฮอร์นจึงมีรูปแบบที่หลากหลายไปอีกไม่ต่ำกว่า 20 ชนิด ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ที่หัวโหนกพิเศษ หรือบางสายพันธุ์ก็พัฒนาทางด้านของมุกตามลำตัว ให้มีมากขึ้นและมีความแวววาว หรือบางคนก็จะชอบฟลาวเวอร์ฮอร์นที่มีสีแดงสด สลับกับมุกที่แวววาว ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการพัฒนาสายพันธุ์ทั้งสิ้น
ปลาหมอสี "ไตรทอง"
เป็นปลาหมอสีที่เกิดขึ้นจากนักเพาะพันธุ์ของเมืองไทยเรานี่เอง โดยมีต้นกำเนิดมาจาก "ปลาหมอไตรมาคูลาตัส"  (Nandopsis trimaculatus) ในปัจจุบันนักเพาะพันธุ์ต่างๆ ได้พยายามพัฒนาสายพันธุ์ โดยนำมาผสมข้ามสายพันธุ์กับปลาสายอื่น ๆ เพื่อเพิ่มลักษณะเด่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปลาหมอสีไตรทองดั้งเดิมจะมีลักษณะเป็นสีเหลืองทอง เรียบเนียน ลำตัวหนา โครงใหญ่ ครีบปลามีขนาดใหญ่พริ้วสวยงาม บริเวณส่วนหน้า และส่วนลำคอจะมีสีแดงสด ตัดกันกับสีเหลืองได้อย่างสวยงาม สำหรับคนที่ชอบปลาหมอสีไตรทอง จะนิยมปลาที่มีทรงสั้น หนา และลำตัวกว้าง ส่วนหัวมีความโหนก ส่วนของสีตามลำตัวต้องสดตัดกันไม่ซีด

ปลาหมอสี "เท็กซัสแดง"

เป็นปลาข้ามสายพันธุ์อีกชนิดหนึ่งที่ได้จากการผสมพันธุ์ระหว่างพ่อ "เท็คซัสเขียว" (Herichys Carpinte) เป็นหลัก ผสมพันธ์กับแม่พันธ์ปลาหมอสีที่ลอกสีผิวเป็นสีแดงเช่น "นกแก้ว" ( Red Parrot ) "เรดเดวิล" (Red devil) "คิงคอง" "ซินแดง" จึงจะได้ลูกปลาออกมาเป็น "เท็กซัสแดง" เมื่อยังมีขนาดเล็กจะมีลักษณะเหมือนปลาหมอสีทั่วไปคือตัวมีสีผิวออกน้ำตาลถึงเกือบดำ และจะค่อยๆ ลอกผิวออกจนหมด โดยจะเห็นผิวชั้นในเป็นสีส้มจนถึงแดง แต่ละตัวจะมีลายแตกต่างกัน เท็กซัสแดงเป็นปลาหมอสีที่ต้องใช้ระยะเวลาในการลอก บางตัวก็ลอกเร็ว บางตัวก็ลอกช้า บางตัวอาจมีขนาดเกือบเต็มวัยแล้วค่อยลอกก็มี
ปลาหมอสี "ครอสบรีด"
ปลาหมอสีครอสบรีด คือ การที่มนุษย์นำเอาปลาหมอสีที่ต่างสายพันธุ์กัน มาผสมพันธุ์กันเพื่อสร้างสายพันธุ์ใหม่ให้มีความสวยงามมากขึ้น  โดยนำเอาจุดเด่นของสายพันธุ์หนึ่ง มาผสมกับจุดเด่นของอีกสายพันธุ์หนึ่ง โดยในการทด ลอง บางทีการผสมพันธุ์อาจได้ปลาตรงตามที่จินตนาการไว้ หรืออาจจะไม่ตรงเลยก็ได้ เช่น การนำปลาหมอสีสายพันธุ์หนึ่งที่มีโทนสีแดง หัวโหนก ลำตัวใหญ่ มาผสมกับปลาหมอสีอีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีลักษณะหน้าสั้น หัวโหนก กระโหลกใหญ่ เพื่อให้ได้ปลาที่หัวโหนก ลำตัวใหญ่ กระโหลกใหญ่ และมีสีแดง แต่ผลที่ได้จริงกลับมีความหลากหลายกว่าที่คิดไว้ โดยมีส่วนหนึ่งตรงตามจินตนาการ แต่อีกส่วนหนึ่งผิดเพี้ยนไป กลายเป็นปลาลำตัวสั้น หน้าหักบ้างก็มี การผสมพันธุ์ปลาแบบข้ามสายพันธุ์จึงสรุปได้ว่าเป็นอะไรที่ไม่มีความแน่นอน คนจึงเรียกปลาพวกนี้ว่าเป็น "ปลาเปอร์เซ็นต์" ซึ่งผู้ที่จะเพาะพันธุ์ให้ได้ปลาสวยๆ ต้องอาศัยประสบการณ์ และระยะเวลาในการพัฒนาความสวยงามเป็นอย่างมาก ผู้ที่คิดจะเลี้ยงปลาหมอสีครอสบรีดจึงควรต้องศึกษาหาความรู้ให้ดีเสียก่อน เพราะความไม่แน่นอนของมัน อาจทำให้คุณผิดหวังเมื่อมันโตขึ้นมา

 

ปลาหมอสีครอสบรีดที่ได้รับความนิยม

ปลาหมอสี "ฟลาวเวอร์ฮอร์น"
เป็นปลาหมอสีที่ผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง "ปลาหมอไตรมาคูลาตัส" (Nandopsis trimaculatus) ที่มีลวดลายมาร์กกิ้งสวยงาม ผสมกับ "ปลาหมอเรดเดวิล"  (Amphilophus citrinellus) ซึ่งมีสีแดงส้มและมีหัวโหนก แต่ในปัจจุบันมีการผสมข้ามกับสายพันธุ์อื่นๆอีก ฟลาวเวอร์ฮอร์นจึงมีรูปแบบที่หลากหลายไปอีกไม่ต่ำกว่า 20 ชนิด ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ที่หัวโหนกพิเศษ หรือบางสายพันธุ์ก็พัฒนาทางด้านของมุกตามลำตัว ให้มีมากขึ้นและมีความแวววาว หรือบางคนก็จะชอบฟลาวเวอร์ฮอร์นที่มีสีแดงสด สลับกับมุกที่แวววาว ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการพัฒนาสายพันธุ์ทั้งสิ้น
ปลาหมอสี "ไตรทอง"
เป็นปลาหมอสีที่เกิดขึ้นจากนักเพาะพันธุ์ของเมืองไทยเรานี่เอง โดยมีต้นกำเนิดมาจาก "ปลาหมอไตรมาคูลาตัส"  (Nandopsis trimaculatus) ในปัจจุบันนักเพาะพันธุ์ต่างๆ ได้พยายามพัฒนาสายพันธุ์ โดยนำมาผสมข้ามสายพันธุ์กับปลาสายอื่น ๆ เพื่อเพิ่มลักษณะเด่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปลาหมอสีไตรทองดั้งเดิมจะมีลักษณะเป็นสีเหลืองทอง เรียบเนียน ลำตัวหนา โครงใหญ่ ครีบปลามีขนาดใหญ่พริ้วสวยงาม บริเวณส่วนหน้า และส่วนลำคอจะมีสีแดงสด ตัดกันกับสีเหลืองได้อย่างสวยงาม สำหรับคนที่ชอบปลาหมอสีไตรทอง จะนิยมปลาที่มีทรงสั้น หนา และลำตัวกว้าง ส่วนหัวมีความโหนก ส่วนของสีตามลำตัวต้องสดตัดกันไม่ซีด

ปลาหมอสี "เท็กซัสแดง"

เป็นปลาข้ามสายพันธุ์อีกชนิดหนึ่งที่ได้จากการผสมพันธุ์ระหว่างพ่อ "เท็คซัสเขียว" (Herichys Carpinte) เป็นหลัก ผสมพันธ์กับแม่พันธ์ปลาหมอสีที่ลอกสีผิวเป็นสีแดงเช่น "นกแก้ว" ( Red Parrot ) "เรดเดวิล" (Red devil) "คิงคอง" "ซินแดง" จึงจะได้ลูกปลาออกมาเป็น "เท็กซัสแดง" เมื่อยังมีขนาดเล็กจะมีลักษณะเหมือนปลาหมอสีทั่วไปคือตัวมีสีผิวออกน้ำตาลถึงเกือบดำ และจะค่อยๆ ลอกผิวออกจนหมด โดยจะเห็นผิวชั้นในเป็นสีส้มจนถึงแดง แต่ละตัวจะมีลายแตกต่างกัน เท็กซัสแดงเป็นปลาหมอสีที่ต้องใช้ระยะเวลาในการลอก บางตัวก็ลอกเร็ว บางตัวก็ลอกช้า บางตัวอาจมีขนาดเกือบเต็มวัยแล้วค่อยลอกก็มี
ปลาหมอสี "ครอสบรีด"
ปลาหมอสีครอสบรีด คือ การที่มนุษย์นำเอาปลาหมอสีที่ต่างสายพันธุ์กัน มาผสมพันธุ์กันเพื่อสร้างสายพันธุ์ใหม่ให้มีความสวยงามมากขึ้น  โดยนำเอาจุดเด่นของสายพันธุ์หนึ่ง มาผสมกับจุดเด่นของอีกสายพันธุ์หนึ่ง โดยในการทด ลอง บางทีการผสมพันธุ์อาจได้ปลาตรงตามที่จินตนาการไว้ หรืออาจจะไม่ตรงเลยก็ได้ เช่น การนำปลาหมอสีสายพันธุ์หนึ่งที่มีโทนสีแดง หัวโหนก ลำตัวใหญ่ มาผสมกับปลาหมอสีอีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีลักษณะหน้าสั้น หัวโหนก กระโหลกใหญ่ เพื่อให้ได้ปลาที่หัวโหนก ลำตัวใหญ่ กระโหลกใหญ่ และมีสีแดง แต่ผลที่ได้จริงกลับมีความหลากหลายกว่าที่คิดไว้ โดยมีส่วนหนึ่งตรงตามจินตนาการ แต่อีกส่วนหนึ่งผิดเพี้ยนไป กลายเป็นปลาลำตัวสั้น หน้าหักบ้างก็มี การผสมพันธุ์ปลาแบบข้ามสายพันธุ์จึงสรุปได้ว่าเป็นอะไรที่ไม่มีความแน่นอน คนจึงเรียกปลาพวกนี้ว่าเป็น "ปลาเปอร์เซ็นต์" ซึ่งผู้ที่จะเพาะพันธุ์ให้ได้ปลาสวยๆ ต้องอาศัยประสบการณ์ และระยะเวลาในการพัฒนาความสวยงามเป็นอย่างมาก ผู้ที่คิดจะเลี้ยงปลาหมอสีครอสบรีดจึงควรต้องศึกษาหาความรู้ให้ดีเสียก่อน เพราะความไม่แน่นอนของมัน อาจทำให้คุณผิดหวังเมื่อมันโตขึ้นมา

 

ปลาหมอสีครอสบรีดที่ได้รับความนิยม

ปลาหมอสี "ฟลาวเวอร์ฮอร์น"
เป็นปลาหมอสีที่ผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง "ปลาหมอไตรมาคูลาตัส" (Nandopsis trimaculatus) ที่มีลวดลายมาร์กกิ้งสวยงาม ผสมกับ "ปลาหมอเรดเดวิล"  (Amphilophus citrinellus) ซึ่งมีสีแดงส้มและมีหัวโหนก แต่ในปัจจุบันมีการผสมข้ามกับสายพันธุ์อื่นๆอีก ฟลาวเวอร์ฮอร์นจึงมีรูปแบบที่หลากหลายไปอีกไม่ต่ำกว่า 20 ชนิด ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ที่หัวโหนกพิเศษ หรือบางสายพันธุ์ก็พัฒนาทางด้านของมุกตามลำตัว ให้มีมากขึ้นและมีความแวววาว หรือบางคนก็จะชอบฟลาวเวอร์ฮอร์นที่มีสีแดงสด สลับกับมุกที่แวววาว ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการพัฒนาสายพันธุ์ทั้งสิ้น
ปลาหมอสี "ไตรทอง"
เป็นปลาหมอสีที่เกิดขึ้นจากนักเพาะพันธุ์ของเมืองไทยเรานี่เอง โดยมีต้นกำเนิดมาจาก "ปลาหมอไตรมาคูลาตัส"  (Nandopsis trimaculatus) ในปัจจุบันนักเพาะพันธุ์ต่างๆ ได้พยายามพัฒนาสายพันธุ์ โดยนำมาผสมข้ามสายพันธุ์กับปลาสายอื่น ๆ เพื่อเพิ่มลักษณะเด่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปลาหมอสีไตรทองดั้งเดิมจะมีลักษณะเป็นสีเหลืองทอง เรียบเนียน ลำตัวหนา โครงใหญ่ ครีบปลามีขนาดใหญ่พริ้วสวยงาม บริเวณส่วนหน้า และส่วนลำคอจะมีสีแดงสด ตัดกันกับสีเหลืองได้อย่างสวยงาม สำหรับคนที่ชอบปลาหมอสีไตรทอง จะนิยมปลาที่มีทรงสั้น หนา และลำตัวกว้าง ส่วนหัวมีความโหนก ส่วนของสีตามลำตัวต้องสดตัดกันไม่ซีด

ปลาหมอสี "เท็กซัสแดง"

เป็นปลาข้ามสายพันธุ์อีกชนิดหนึ่งที่ได้จากการผสมพันธุ์ระหว่างพ่อ "เท็คซัสเขียว" (Herichys Carpinte) เป็นหลัก ผสมพันธ์กับแม่พันธ์ปลาหมอสีที่ลอกสีผิวเป็นสีแดงเช่น "นกแก้ว" ( Red Parrot ) "เรดเดวิล" (Red devil) "คิงคอง" "ซินแดง" จึงจะได้ลูกปลาออกมาเป็น "เท็กซัสแดง" เมื่อยังมีขนาดเล็กจะมีลักษณะเหมือนปลาหมอสีทั่วไปคือตัวมีสีผิวออกน้ำตาลถึงเกือบดำ และจะค่อยๆ ลอกผิวออกจนหมด โดยจะเห็นผิวชั้นในเป็นสีส้มจนถึงแดง แต่ละตัวจะมีลายแตกต่างกัน เท็กซัสแดงเป็นปลาหมอสีที่ต้องใช้ระยะเวลาในการลอก บางตัวก็ลอกเร็ว บางตัวก็ลอกช้า บางตัวอาจมีขนาดเกือบเต็มวัยแล้วค่อยลอกก็มี

การเลี้ยงปลาทะเลในตู้

การเลี้ยงปลาทะเลในตู้




การเลี้ยงปลาทะเลในตู้ (nicaonline)

          การเลี้ยงปลาทะเลในตู้  สิ่งสำคัญอันดับแรก ๆ ของการเลี้ยงปลาสวยงามโดยเฉพาะปลาทะเล คือสี่งที่อยู่ในช่องกรองก็มีอยู่หลายชนิดที่นิยมใช้ เช่น เศษปะการัง เปลือกหอย ไบโอบอล ไบโอริง ใส่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรียในการย่อยสลายของเสียที่เกิดขึ้นในน้ำ การออกแบบวัสดุต่าง ๆ ส่วนมากจะออกแบบมาให้มีพื้นที่หน้าสัมผัสมากกว่าปกติ เพื่อสร้างเป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรีย และเพิ่มปริมาณออกซิเจนในระบบ วัสดุกรองเหล่านี้มีความแตกต่างกัน ดังนี้

เศษประการัง

          คุณสมบัติที่ดีของเศษปะการัง  คือ  มีรูพรุนมาก การใส่เศษปะการังควรที่จะใส่เบอร์ใหญ่ด้านล่าง แล้วค่อยไล่ขึ้นมาเป็นเบอร์ละเอียด การใช้วัสดุชนิดนี้ระบบภายในตู้จะอยู่ตัวเร็วกว่าวัสดุชนิดอื่น แต่จะมีปัญหาเศษฝุ่น แก้ไขโดยการใช้ใยแก้วเป็นตัวกรองด้านบน อีกปัญหาหนึ่งคือสารเคมีที่ใช้ฟอกขาว ดังนั้นก่อนนำวัสดุชนิดนี้มาใช้ควรแช่น้ำไว้ก่อน

ไบโอบอล  

          ไบโอบอล เป็นวัสดุที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทดแทนปะการัง ผิวหน้าของไบโอบอลจำนวนมากเป็นที่อยู่อาศัยอย่างดีของแบคทีเรียเช่นเดียวกับรูพรุนของเศษปะการัง และไบโอบอลมีน้ำหนักเบา ซึ่งมีความสะดวกมากในการใช้งาน ราคาจะถูกกว่าเศษปะการัง และที่สำคัญไม่ผิดกฏหมายด้วย

ไบโอริง

          เป็นวัสดุที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบเศษปะการังซึ่งนับเป็นวัสดุที่มีความใกล้เคียงเรื่องคุณสมบัติ โดยเฉพาะเรื่องรูพรุนที่เป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรีย  แต่กลับไม่นิยมใช้เพราะราคาของไบโอริงแพงมาก แต่ด้วยประสิทธิภาพสูง ไบโอริงจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง

เปลือกหอย

          เปลือกหอยเป็นวัสดุที่หาง่ายราคาถูก ระบบภายในตู้เกิดการเซตตัวได้เร็ว เหมาะสำหรับคนที่ทุนน้อยแต่ใจรัก

ระบบกรองน้ำ

          ระบบกรองน้ำตู้ปลาทะเลเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในระบบปิด เพื่อที่จะใช้จัดการกับของเสียของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้สภาพน้ำในระบบมีความใกล้เคียงกับสภาพน้ำในธรรมชาติมากที่สุด โดยได้มีการออกแบบช่องกรอง วัสดุกรอง การบังคับทิศทางการไหลของน้ำ สถาพโครงสร้างทางนิเวศ์จำลองในตู้ 
 

มาชวนไปซื้อปลาสวยงามที่ JJ กัน..


v
v
v

ในวันหยุดสุดสัปดาห์..
เพื่อนๆชาว blog ชอบไปเที่ยวไหน ??
หรือทำกิจกรรมอะไรกันบ้างคะ??

ส่วนฉัน..  เมื่อถึงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์
หากฉันว่าง  และไม่ติดภาระกิจใดๆแล้ว..
ฉันชอบไปเดินตลาดขายปลาสวยงาม  ที่ตลาดนัดจตุจักร ค่ะ!!

เรียกว่าหากไม่ติดธุระอะไร..  ฉันไม่เคยพลาดเลย!!

v
v
v



v
v
v

ฉันชอบเลี้ยงปลาค่ะ..
แต่ปลาที่ฉันเลี้ยงส่วนใหญ่  เน้นสวย..  ไม่เน้นแพง !!

v
v
v


v
v
v

ปลาสวยงามที่นี่มีหลายราคาค่ะ
เริ่มต้นกันที่ไม่กี่บาท..  ไปจนถึงหลักพันก็มี
หรือแพงกว่านั้น..  ก็แล้วแต่กำลังผู้ซื้อค่ะ!!

v
v
v

v
v
v

กลับมาเรื่องของปลา..
เมื่อก่อน.. ฉันไม่มีความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาสวยงาม ซักเท่าไหร่ค่ะ
ก็เลี้ยงกันไปแบบเรื่อยเปื่อย
ถึงเวลา..  เปลี่ยนน้ำ
ถึงเวลา.. ให้อาหาร
เท่านั้นเอง!!

v
v
v



v
v
v

แต่พอเลี้ยงไปเรื่อยๆ..
มักเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นบ่อยๆ
ตายไปบ้างก็มากอยู่!!

v
v
v


v
v
v

แต่หลังจากที่ไปเดินบ่อยๆ
เราก็ได้รู้จักคุ้นเคยกับร้านที่ซื้อประจำ
รวมทั้งได้เจอคนที่ "รักปลา" เหมือนอย่างเรา
ก็ได้คำปรึกษา.. แลกเปลี่ยน.. พูดคุยกัน
ทำให้ได้ความรู้ใหม่ๆ..  มาเลี้ยงปลาเสมอ!

ล่าสุด..  เค้าว่ากันว่า "ยาแก้อักเสบของคน" (แบบที่เป็นแคปซูล)
สามารถแก้โรคตกเลือดของปลาทองได้!! (ว้าววว!)
โดย..  เอาผงยาในแคปซูล ละลายในตู้ปลา ได้เลย
ไว้มีโอกาส.. ฉันจะลองดู
v
v
v


v
v
v


ตอนแรก..  ฉันว่าจะเลี้ยงเล่นๆ  แก้เหงา
ไอ้ครั้นจะเลี้ยงสัตว์อื่น..  มันก็ลำบาก
เพราะเราคงไม่มีพื้นที่มากพอ..
อีกอย่าง.. ด้วยภาระงานของฉัน.. กว่าจะเลิกงานก็ค่อนข้างมืดค่ำ
คงไม่เหมาะ..  หากจะเลี้ยงสัตว์ใหญ่ๆ

v
v
v



v
v
v

เอาเป็นว่า..  เลี้ยงปลาดีกว่า
หิวยังไง..  มันก็ไม่มีเสียงร้องมาให้หนวกหูชาวบ้าน!!

สัตว์อื่น..  หิวตายนะ
ส่วนปลา..  หิวไงก็ไม่ตาย
แต่อิ่มมาก..  ตาย!!

นี่คือที่มาของการเลี้ยงปลา..ของฉัน!!

v
v
v

v
v
v

เมื่อก่อน..
โครงการที่ขายปลาสวยงามในตลาดนัดจตุจักร จะอยู่ด้านใน
ติดกับตรงที่เค้าขายสัตว์อื่นๆ

v
v
v



v
v
v

ตั้งแต่มีเรื่องมีราวอะไรกันครั้งโน้นนนนน..
ที่มีการทุบตู้ปลาทิ้ง..  จนปลาซึ่งไม่รู้เรื่องอะไร  มานอนดิ้นกระแด่วๆอยู่บนพื้น!!
แถม..  ผู้ประกอบการณ์ยังพากันแจกปลาฟรี!! อีกด้วย

หลายรอบมาก..  สำหรับเรื่องปัญหาพื้นที่ที่ขายปลาสวยงาม!!

เดี๋ยวนี้..
กระเด็นออกไปอยู่ริมถนนรอบ นอก (ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์เด็ก).. แล้วค่ะ
ก็ไม่รู้ว่า..  จะอยู่ตรงนี้ได้อีกนานสักเท่าไหร่!!

v
v
v



v
v
v

หากใครมีโอกาสไปเดิน JJ
อย่าลืมแวะไปเดินเลือกซื้อ ปลาสวยงามกันบ้างนะคะ